ป้ายกำกับ: #InvestmentTips

  • คู่มือการซื้อขายอย่างครอบคลุม (ตอนที่ 3)

    คู่มือการซื้อขายอย่างครอบคลุม (ตอนที่ 3)

    ความเสี่ยงและผลประโยชน์ในตลาด Forex

    ประโยชน์ของการซื้อขายฟอเร็กซ์
    ตลาดฟอเร็กซ์มีข้อดีมากมายที่ทำให้ดึงดูดใจเทรดเดอร์ทั่วโลก ต่อไปนี้คือข้อดีหลัก:

    1. สภาพคล่องสูง
      ตลาดฟอเร็กซ์เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อพิจารณาจากปริมาณการซื้อขายรายวัน โดยมีการซื้อขายมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ทุกวัน สภาพคล่องที่สูงนี้หมายความว่าผู้ซื้อขายสามารถเปิดและปิดสถานะได้อย่างง่ายดายโดยไม่ชักช้า โดยมีสเปรดราคาที่สามารถแข่งขันได้ (สเปรดต่ำ)
    2. การซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง
      ตลาดฟอเร็กซ์แตกต่างจากตลาดการเงินอื่นๆ ตรงที่เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ การซื้อขายเริ่มต้นเมื่อตลาดเอเชียเปิดทำการในวันจันทร์และสิ้นสุดเมื่อตลาดสหรัฐปิดทำการในวันศุกร์ ความยืดหยุ่นนี้ทำให้ผู้ซื้อขายทั่วโลกสามารถซื้อขายได้ในเวลาที่เหมาะกับตนเอง
    3. เลเวอเรจ
      ผู้ซื้อขายสามารถใช้เลเวอเรจเพื่อควบคุมตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้นด้วยเงินทุนที่น้อยลง ตัวอย่างเช่น ด้วยเลเวอเรจ 1:100 ผู้ซื้อขายสามารถเปิดตำแหน่งมูลค่า 100,000 ดอลลาร์ด้วยเงินเพียง 1,000 ดอลลาร์ แม้ว่าวิธีนี้จะช่วยเพิ่มผลกำไรได้อย่างมาก แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงด้วยเช่นกัน
    4. ความหลากหลายของตราสารทางการเงิน
      ในตลาดฟอเร็กซ์ เทรดเดอร์สามารถซื้อขายสกุลเงินได้หลากหลายประเภท รวมถึงคู่สกุลเงินหลัก คู่สกุลเงินรอง และคู่สกุลเงินพิเศษ นอกจากนี้ พวกเขายังสามารถซื้อขาย CFD ในดัชนี โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ และหุ้นได้อีกด้วย
    5. ต้นทุนต่ำ
      เมื่อเทียบกับตลาดการเงินอื่น ๆ ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายฟอเร็กซ์ถือว่าต่ำ ค่าใช้จ่ายหลักคือค่าสเปรด ซึ่งมักจะน้อยมากในคู่สกุลเงินหลัก โดยปกติแล้วบัญชีมาตรฐานจะไม่มีค่าคอมมิชชันเพิ่มเติม ทำให้การซื้อขายฟอเร็กซ์มีราคาไม่แพง
    6. การซื้อขายแบบกระจายอำนาจ
      ด้วยแพลตฟอร์มเช่น MetaTrader 5 ที่มีให้บริการบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต เทรดเดอร์สามารถติดตามตลาดและดำเนินการซื้อขายจากทุกที่ทุกเวลา

    ความเสี่ยงของการซื้อขายฟอเร็กซ์
    แม้ว่าจะมีข้อดีมากมาย การซื้อขายฟอเร็กซ์ก็มีความเสี่ยงที่ผู้ซื้อขายจำเป็นต้องทราบด้วยเช่นกัน:

    1. เลเวอเรจสูง
      แม้ว่าเลเวอเรจจะเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน การใช้เลเวอเรจจะเพิ่มผลกำไรที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ก็ทำให้ขาดทุนเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เทรดเดอร์อาจเผชิญกับการสูญเสียจำนวนมากหากไม่ใช้เลเวอเรจอย่างระมัดระวัง
    2. ความผันผวนสูง
      ตลาดฟอเร็กซ์เป็นที่รู้จักในเรื่องความผันผวนของราคาอย่างมาก แม้ว่าความผันผวนเหล่านี้อาจนำมาซึ่งโอกาสในการทำกำไรได้ แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินทุนอย่างรวดเร็วหากตลาดเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่เทรดเดอร์คาดไว้
    3. ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจและการเมือง
      ราคาสกุลเงินได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองต่างๆ การเปลี่ยนแปลงนโยบายรัฐบาลอย่างกะทันหันหรือข่าวเศรษฐกิจที่ไม่ดีอาจนำไปสู่ความเคลื่อนไหวของตลาดที่ไม่คาดคิด ซึ่งทำให้ผู้ค้ามีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น
    4. ความเสี่ยงทางจิตวิทยา
      การซื้อขายอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อสภาพจิตใจของเทรดเดอร์ การตัดสินใจอย่างเร่งรีบหรือการซื้อขายตามอารมณ์อาจนำไปสู่การสูญเสียที่ไม่คาดคิด การจัดการตนเองและวินัยเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จในตลาดนี้
    5. ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับโบรกเกอร์
      การเลือกโบรกเกอร์ที่ไม่น่าเชื่อถืออาจทำให้ผู้ซื้อขายต้องเผชิญกับความเสี่ยงเพิ่มเติม เช่น การดำเนินการคำสั่งซื้อขายที่ล่าช้าหรือการขาดความโปร่งใสในต้นทุน การเลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตและได้รับการกำกับดูแล เช่น db investing เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับการคุ้มครองเงินทุน

    วิธีลดความเสี่ยงในตลาด Forex

    • การเรียนรู้และการฝึกอบรม
      ก่อนเริ่มการซื้อขายจริง เทรดเดอร์ควรเรียนรู้กลยุทธ์การซื้อขายต่างๆ และเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องก่อน การใช้บัญชีทดลองถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการฝึกฝนโดยปราศจากความเสี่ยง ที่ db Investing เราจัดให้มีการฝึกอบรมผ่านเว็บสัมมนาฟรีเพื่อช่วยให้คุณเข้าสู่ตลาดได้อย่างเหมาะสม
    • การจัดการเงินทุน
      การกำหนดระดับความเสี่ยงที่ผู้ซื้อขายสามารถยอมรับได้ในแต่ละการซื้อขายถือเป็นส่วนสำคัญของการจัดการเงินทุน ผู้ซื้อขายควรเสี่ยงเพียงส่วนเล็กน้อยของเงินทุนต่อการซื้อขายหนึ่งครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียครั้งใหญ่
    • การใช้คำสั่ง Stop-Loss
      การวางคำสั่ง Stop Loss ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถจำกัดการขาดทุนได้หากตลาดเคลื่อนไหวไปในทางตรงกันข้ามกับที่คาดการณ์ไว้
    • การควบคุมอารมณ์
      ผู้ซื้อขายควรมีวินัยและหลีกเลี่ยงการปล่อยให้ความรู้สึก เช่น ความโลภหรือความกลัว ส่งผลต่อการตัดสินใจ การยึดมั่นตามแผนการซื้อขายจะช่วยหลีกเลี่ยงการเทรดที่ใช้ความรู้สึก

    แม้ว่าการซื้อขายฟอเร็กซ์จะมีศักยภาพในการทำกำไรสูงเนื่องจากสภาพคล่องและเลเวอเรจที่สูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน ความสำเร็จในตลาดนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของเทรดเดอร์ในการจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพและยึดมั่นกับแผนการซื้อขายที่มีวินัย

    เวลาซื้อขายที่ดีที่สุด
    ทำความเข้าใจเวลาที่ดีที่สุดในการซื้อขาย
    ตลาดฟอเร็กซ์เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ในบางช่วงเวลาของวันจะมีสภาพคล่องและความผันผวนที่สูงกว่า ซึ่งเปิดโอกาสที่ดีกว่าสำหรับเทรดเดอร์ เวลาที่ดีที่สุดในการซื้อขายขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของตลาดการเงินโลก และวันซื้อขายฟอเร็กซ์จะแบ่งออกเป็น 4 เซสชันหลัก:

    1. เซสชันซิดนีย์ (ตลาดออสเตรเลีย)
      เซสชันซิดนีย์เริ่มต้นเวลา 22:00 น. GMT และสิ้นสุดเวลา 07:00 น. GMT เซสชันนี้ค่อนข้างเงียบสงบเนื่องจากมีปริมาณการซื้อขายน้อยกว่าเซสชันอื่น อย่างไรก็ตาม อาจมีโอกาสที่ดีในการซื้อขายดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) และดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD)
    2. เซสชันโตเกียว (ตลาดเอเชีย)
      เซสชันโตเกียวเริ่มต้นเวลา 00:00 น. GMT และสิ้นสุดเวลา 09:00 น. GMT เซสชันนี้มีสภาพคล่องสูง โดยเฉพาะในคู่สกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับเงินเยนของญี่ปุ่น (JPY) เช่น USD/JPY และ EUR/JPY นอกจากนี้ เซสชันนี้ยังพบความผันผวนอย่างรุนแรงในตลาดเอเชียอีกด้วย
    3. เซสชั่นลอนดอน (ตลาดยุโรป)
      เซสชั่นลอนดอนเริ่มต้นเวลา 8:00 น. GMT และสิ้นสุดเวลา 17:00 น. GMT เซสชั่นนี้เป็นหนึ่งในเซสชั่นที่มีการเคลื่อนไหวมากที่สุดในตลาดฟอเร็กซ์ เนื่องจากลอนดอนเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญ โดยมีสภาพคล่องสูงมากและความผันผวนสูง โดยเฉพาะในคู่สกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับปอนด์อังกฤษ (GBP) และยูโร (EUR)
    4. เซสชั่นนิวยอร์ก (ตลาดสหรัฐอเมริกา)
      เซสชันนิวยอร์กเริ่มต้นเวลา 13:00 น. GMT และสิ้นสุดเวลา 22:00 น. GMT เซสชันนี้มีความเคลื่อนไหวอย่างมาก โดยเฉพาะคู่สกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับดอลลาร์สหรัฐ (USD) เช่น EUR/USD และ GBP/USD เซสชันนี้มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเผยแพร่ข่าวเศรษฐกิจสำคัญจากสหรัฐฯ

    เซสชั่นที่ทับซ้อนกัน
    เวลาที่ดีที่สุดในการซื้อขายมักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ทับซ้อนกันระหว่างเซสชั่นตลาดที่แตกต่างกัน ช่วงเวลาดังกล่าวมีลักษณะเฉพาะคือมีสภาพคล่องและปริมาณการซื้อขายสูง ส่งผลให้มีโอกาสทำกำไรได้ดีขึ้น โดยมีช่วงเวลาทับซ้อนกันหลักๆ อยู่ 2 ช่วง ได้แก่

    1. ลอนดอน-นิวยอร์กทับซ้อน
      การทับซ้อนนี้เกิดขึ้นระหว่าง 13:00 น. ถึง 17:00 น. GMT ถือเป็นการทับซ้อนที่คึกคักที่สุดในตลาดฟอเร็กซ์ เนื่องจากมีตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดสองแห่งเปิดดำเนินการ ส่งผลให้มีสภาพคล่องสูงและผันผวนอย่างรุนแรง
    2. โตเกียว-ลอนดอนทับซ้อน
      การทับซ้อนนี้เกิดขึ้นระหว่าง 8:00 น. ถึง 9:00 น. GMT แม้ว่าจะมีความเคลื่อนไหวน้อยกว่าการทับซ้อนระหว่างลอนดอนและนิวยอร์ก แต่ก็ยังสามารถเป็นโอกาสในการซื้อขายสกุลเงินเอเชีย เช่น เยนญี่ปุ่น (JPY) ได้

    เวลาที่ดีที่สุดในการซื้อขายคู่สกุลเงินต่างๆ
    คู่สกุลเงินแต่ละคู่ได้รับผลกระทบจากกิจกรรมของตลาดที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเทศที่คู่สกุลเงินนั้นเป็นตัวแทน:

    • EURUSD : ซื้อขายได้ดีที่สุดในช่วงเซสชั่นลอนดอนและทับซ้อนกับเซสชั่นนิวยอร์ก เมื่อมีสภาพคล่องสูงสุด
    • USDJPY : คู่เงินนี้มีความเคลื่อนไหวอย่างมากในช่วงเซสชั่นโตเกียวและทับซ้อนกับเซสชั่นลอนดอน
    • GBPUSD : ซื้อขายได้ดีที่สุดในช่วงเซสชั่นลอนดอนและทับซ้อนกับนิวยอร์ก
    • AUDUSD : ซื้อขายได้ดีที่สุดในช่วงเซสชั่นซิดนีย์และทับซ้อนกับโตเกียว

    การซื้อขายในช่วงข่าวเศรษฐกิจ
    ข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น รายงานการว่างงาน อัตราเงินเฟ้อ และการตัดสินใจของธนาคารกลาง อาจทำให้ตลาดผันผวนอย่างมาก ข่าวเหล่านี้อาจเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการทำกำไรอย่างรวดเร็วในตลาดฟอเร็กซ์ อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากความผันผวนเหล่านี้อาจนำไปสู่การสูญเสียครั้งใหญ่ได้เช่นกัน หากไม่จัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม

    บทสรุป
    เวลาที่ดีที่สุดในการซื้อขายขึ้นอยู่กับคู่สกุลเงินที่คุณซื้อขายและเซสชันที่คุณต้องการ การติดตามช่วงเวลาที่ทับซ้อนกันและข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ใช้ประโยชน์จากโอกาสในการซื้อขายได้มากที่สุด การซื้อขายในช่วงที่มีสภาพคล่องสูงและความผันผวนสูงอาจช่วยให้ทำกำไรได้ แต่ควรใช้เครื่องมือจัดการความเสี่ยงเพื่อปกป้องเงินทุนของคุณอยู่เสมอ

    ในภาคที่ 3 เราได้ทบทวนคุณลักษณะและความเสี่ยงที่สำคัญของตลาดฟอเร็กซ์ รวมถึงวิธีลดความเสี่ยงเหล่านั้น นอกจากนี้ เราได้สำรวจช่วงเวลาซื้อขายที่สำคัญที่สุดและวิธีใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาดังกล่าวเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในการซื้อขาย

    ในส่วนที่สี่ เราจะสร้างแผนการซื้อขาย เราจะเรียนรู้วิธีการออกแบบแผนที่วางไว้อย่างดี กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เลือกสไตล์การซื้อขายที่เหมาะสม และจัดการความเสี่ยงอย่างชาญฉลาด นอกจากนี้ เราจะหารือเกี่ยวกับความสำคัญของการจัดการทางการเงินอย่างเหมาะสมโดยปฏิบัติตามหลักการพื้นฐานและใช้กลยุทธ์และเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการจัดการเงินทุนและควบคุมอัตราส่วนความเสี่ยง

  • เคล็ดลับจากนักลงทุนชั้นนำ

    เคล็ดลับจากนักลงทุนชั้นนำ

    ภาคสอง: เรย์ ดาลิโอ

    เรย์ ดาลิโอ คือใคร?
    Ray Dalio เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเราและเป็นผู้ก่อตั้ง Bridgewater Associates ซึ่งเป็นกองทุนป้องกันความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งมีสินทรัพย์รวมเกิน 150,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
    Dalio เริ่มต้นอาชีพในตลาดการเงินตั้งแต่ยังเด็ก โดยลงทุนครั้งแรกในตลาดหุ้นเมื่ออายุเพียง 12 ปี สิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากนักลงทุนคนอื่นๆ คือปรัชญาการลงทุนที่ยึดหลักการเป็นหลัก ซึ่งเขาเชื่อว่าความสำเร็จในตลาดขึ้นอยู่กับความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับความเป็นจริงและการทำงานอย่างเป็นระบบตามกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน
    ดาลิโอไม่เพียงแต่เป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังเป็นนักคิดที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย หนังสือของเขา ชื่อ Principles เป็นหนึ่งในหนังสือขายดี โดยในหนังสือมีเนื้อหาเกี่ยวกับปรัชญาชีวิต การทำงาน และการลงทุนของเขา

    ความมั่งคั่งของเรย์ ดาลิโอ
    จากสถิติล่าสุด คาดว่าทรัพย์สินสุทธิของ Ray Dalio อยู่ที่ประมาณ 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ความมั่งคั่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการตัดสินใจลงทุนอย่างชาญฉลาดและนำทีมของเขาไปสู่การสร้างผลกำไรที่ยั่งยืน แม้ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ
    ความสำเร็จของ Dalio ไม่ใช่แค่เรื่องของโชคช่วย แต่เป็นผลลัพธ์จากความมุ่งมั่นและการเรียนรู้จากความผิดพลาดหลายสิบปี ซึ่งทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในชื่อที่โดดเด่นที่สุดในวงการการลงทุนระดับโลก

    เคล็ดลับการลงทุนและความสำเร็จทางการเงินที่สำคัญของ Ray Dalio
    เรย์ ดาลิโอเชื่อว่าความสำเร็จในตลาดการเงินต้องอาศัยกลยุทธ์ที่ชัดเจนซึ่งอาศัยการวิเคราะห์ที่แม่นยำและความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับปัจจัยทางเศรษฐกิจ นี่คือเคล็ดลับสำคัญของเขา:

    1. ยอมรับความเป็นจริงและยอมรับความผิดพลาด
      ประโยคอันโด่งดังของเขา “ความเจ็บปวด + การไตร่ตรอง = ความก้าวหน้า” สะท้อนถึงปรัชญาของเขาในการเผชิญหน้ากับความล้มเหลว
      ดาลีโอเชื่อว่าการยอมรับความผิดพลาดและเรียนรู้จากความผิดพลาดเหล่านั้นคือหนทางที่ดีที่สุดในการเติบโตทั้งในฐานะบุคคลและนักลงทุน สำหรับเขา การเพิกเฉยต่อความเป็นจริงคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดที่นักลงทุนสามารถทำได้
    1. การกระจายความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญ
      ดาลิโอ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการกระจายความเสี่ยงเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ
      เขากล่าวว่า “อย่ายอมให้ตัวเองขึ้นอยู่กับการลงทุนเพียงประเภทเดียว”
      เขาแนะนำให้กระจายสินทรัพย์ข้ามหุ้น พันธบัตร และสินค้าโภคภัณฑ์ โดยให้ความสำคัญกับการรักษาสมดุลระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทน
    2. มุ่งเน้นไปที่ภาพรวม
      ดาลิโอเป็นที่รู้จักในเรื่องความสามารถในการวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจมหภาค
      เขากล่าวว่า “ทำความเข้าใจว่ากลไกเศรษฐกิจทำงานอย่างไร”
      เขาเชื่อว่านักลงทุนที่ประสบความสำเร็จคือผู้ที่ตัดสินใจโดยพิจารณาจากเหตุการณ์เศรษฐกิจโลก เช่น อัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย และนโยบายการเงิน
    3. มีความยืดหยุ่นและเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุด
      เรย์ ดาลิโอ แนะนำให้คาดการณ์และเตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤตเสมอ
      ในช่วงวิกฤต เช่น วิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2008 ดาลิโอสามารถทำกำไรได้มหาศาลผ่านการป้องกันความเสี่ยงอย่างชาญฉลาดและการจัดการความเสี่ยงที่รอบคอบ
      คำแนะนำของเขา: “วางแผนสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดและเตรียมพร้อมที่จะปรับตัว”
    4. การเรียนรู้ต่อเนื่องคือความลับ
      ดาลิโอ กล่าวว่า “ความสำเร็จคือการเดินทางแห่งการเรียนรู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด”
      ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือผู้เชี่ยวชาญ คุณต้องเรียนรู้จากตลาด หนังสือ และประสบการณ์ส่วนตัวอยู่เสมอ สำหรับเขา ความรู้คือทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของนักลงทุน

    เรย์ ดาลิโอไม่เพียงแต่เป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น แต่เขายังเป็นแบบอย่างในด้านการคิดเชิงกลยุทธ์และการจัดการความเสี่ยงอีกด้วย ปรัชญาการลงทุนตามหลักการของเขาสามารถใช้เป็นแนวทางให้กับผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จทางการเงินและลงทุนอย่างชาญฉลาดได้


    หากคุณต้องการปรับปรุงการลงทุนของคุณ โปรดจำคำแนะนำนี้ไว้เสมอ: “ต้องสมจริง กระจายความเสี่ยง และเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้น”


    “เรียนรู้จากความผิดพลาดและเรียนรู้ต่อไป” นั่นคือวิธีที่คุณจะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จตามแบบฉบับของ Ray Dalio

  • เคล็ดลับจากนักลงทุนชั้นนำ

    เคล็ดลับจากนักลงทุนชั้นนำ

    ตอนที่ 1: วอร์เรน บัฟเฟตต์

    Warren Buffett คือใคร?
    วอร์เรน บัฟเฟตต์เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่มีชื่อเสียงและร่ำรวยที่สุดในโลก จนกระทั่งเมื่อไม่นานนี้ นิตยสารฟอร์บส์ จัดอันดับให้เขาเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เส้นทางการลงทุนของเขาเริ่มต้นในปี 2505 เมื่อเขาตัดสินใจซื้อหุ้น Berkshire Hathaway ในราคาหุ้นละ 7.50 ดอลลาร์
    ภายใต้การนำและวิสัยทัศน์อันโดดเด่นของเขา มูลค่าหุ้น Berkshire Hathaway เพิ่มขึ้นอย่างเหลือเชื่อ โดยปัจจุบันมูลค่าหุ้น Class A พุ่งสูงเกิน 450,000 ดอลลาร์ต่อหุ้น การพุ่งสูงครั้งประวัติศาสตร์นี้สะท้อนถึงอัจฉริยภาพด้านการลงทุนของ Warren Buffett และทักษะในการทำความเข้าใจตลาดและการตัดสินใจทางการเงินของเขา

    ความมั่งคั่งของวอร์เรน บัฟเฟตต์
    ทุกคนต่างแสวงหาความลับเบื้องหลังการสร้างความมั่งคั่งในตลาดหุ้นและตลาดแลกเปลี่ยน วอร์เรน บัฟเฟตต์เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความสามารถในการทำกำไรในตลาดหุ้น
    มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเปรียบเทียบผลการลงทุนของพวกเขาได้กับนักลงทุนที่ไม่ธรรมดารายนี้ ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “นักพยากรณ์แห่งโอมาฮา” มานาน เนื่องจากความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของเขา
    จากข้อมูลของ Forbes ระบุว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์มีทรัพย์สินมูลค่าราว 96,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลก นอกจากนี้ มูลค่าตลาดของบริษัท Berkshire Hathaway ของเขายังอยู่ที่ประมาณ 638,080 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จของอาณาจักรการลงทุนขนาดใหญ่ของเขา

    ในบทความนี้ เราจะสำรวจเคล็ดลับและกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุดที่ Warren Buffett แบ่งปัน ซึ่งช่วยให้นักลงทุนปรับปรุงผลการดำเนินงานทางการเงินของตน และก้าวไปสู่การสร้างความมั่งคั่งในตลาดการเงินอย่างต่อเนื่อง

    เคล็ดลับการลงทุนและความสำเร็จทางการเงินที่สำคัญจาก Warren Buffett
    Warren Buffett ไม่เพียงแต่เป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น แต่เขายังเป็นผู้บุกเบิกหลักการลงทุนที่ทำให้เขามั่งคั่งมหาศาลอีกด้วย
    ต่อไปนี้คือเคล็ดลับเด่นๆ บางส่วนจากนักลงทุนชื่อดังที่อาจสร้างความแตกต่างครั้งใหญ่ให้กับเส้นทางการลงทุนของคุณ:

    1. กระจายพอร์ตการลงทุนของคุณ
      คำพูดอันโด่งดังของเขาที่ว่า “อย่าเอาไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าใบเดียว” นั้น สรุปความสำคัญของการกระจายการลงทุน
      ไม่มีการลงทุนใดที่ปลอดภัย 100% ดังนั้นการกระจายพอร์ตการลงทุนของคุณจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ
      คำแนะนำนี้ใช้ได้กับนักลงทุนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมืออาชีพก็ตาม
    2. ให้ความสำคัญกับการออมเงินเพื่อใช้จ่ายเกินตัว
      วอร์เรน บัฟเฟตต์เน้นย้ำถึงความสำคัญของการออมเงินซึ่งเป็นขั้นตอนพื้นฐานในการสร้างความมั่งคั่ง คำแนะนำอันล้ำค่าของเขาคือ:
      “ประหยัดเงินของคุณก่อนที่จะเริ่มวางแผนรายจ่าย”
      การปฏิบัติตามแนวทางง่ายๆ นี้จะช่วยให้คุณรักษาแผนการออมเงินและบรรลุเป้าหมายทางการเงินของคุณได้
    3. ไปสวนกระแส
      Warren Buffett กล่าวว่า: “จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว”
      คำแนะนำนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการซื้อขายสวนทางกับแนวโน้มตลาดทั่วไป ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการลงทุนมักจะเป็นช่วงวิกฤต เมื่อราคาหุ้นตกต่ำ แต่ปัจจัยพื้นฐานทางการเงินของบริษัทต่างๆ ยังคงแข็งแกร่ง
      ตัวอย่างเช่น บัฟเฟตต์ซื้อหุ้น American Express ในขณะที่ทุกคนคาดว่าหุ้นจะล่มสลาย โดยอิงจากการสังเกตง่ายๆ อย่างหนึ่ง: ผู้คนยังคงใช้บัตรของพวกเขาอยู่
      เขายังลงทุนในหุ้นของ Bank of America และ Goldman Sachs หลังวิกฤติปี 2007 โดยได้รับประโยชน์จากราคาที่ต่ำและผลตอบแทนในอนาคตที่สูง
    4. หลีกเลี่ยงการซื้อสิ่งของที่ไม่จำเป็น
      บัฟเฟตต์แนะนำให้คุณตรวจสอบรายจ่ายของคุณเสมอโดยกล่าวว่า “การซื้อของที่ไม่จำเป็นจะทำให้คุณขายสิ่งที่จำเป็น”
      หลักธรรมในที่นี้คือคิดให้รอบคอบก่อนจะใช้จ่ายไปกับสิ่งของที่ไม่ได้เพิ่มมูลค่าแท้จริง เพราะการฟุ่มเฟือยอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินของคุณได้
    5. เชื่อมั่นในความคิดเห็นของคุณเองและหลีกเลี่ยงฝูงชน
      เคล็ดลับที่ทรงอิทธิพลที่สุดประการหนึ่งของเขาคือ “อย่าทำตามคนหมู่มาก”
      Warren Buffett เน้นย้ำถึงความสำคัญของการอยู่ห่างจากความผันผวนของตลาดและแนวโน้มทั่วไป เนื่องจากความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมักมาจากการตัดสินใจที่กล้าหาญและคาดไม่ถึง
      การเพิกเฉยต่อความคิดเห็นที่เป็นที่นิยมและสื่อที่เปิดกว้างบางครั้งอาจเป็นกุญแจสำคัญในการคว้าโอกาสในการลงทุนที่ผู้อื่นมองข้าม

    คำแนะนำของ Warren Buffett ไม่ใช่แค่คำพูด แต่เป็นกลยุทธ์ที่พิสูจน์แล้วจากความสำเร็จหลายทศวรรษ การปฏิบัติตามหลักการเหล่านี้อาจเป็นก้าวแรกสู่การปรับปรุงการลงทุนของคุณและบรรลุความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมในโลกการเงิน
    “ลงทุนอย่างชาญฉลาด อดทน และเรียนรู้จากนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” นี่คือเคล็ดลับที่จะนำคุณไปสู่ความสำเร็จได้