ป้ายกำกับ: ทอง

  • พลังงาน ทองคำ และสกุลเงินท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจระดับโลก

    พลังงาน ทองคำ และสกุลเงินท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจระดับโลก

    ราคาน้ำมันและทองคำพุ่ง สกุลเงินเคลื่อนไหวโดดเด่นท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้น

    1. รายงานสถานการณ์ตลาดน้ำมัน:

    ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นมากกว่า 2% ในวันจันทร์ หลังจากกลุ่ม OPEC+ ประกาศว่าจะเพิ่มปริมาณการผลิตในเดือนกรกฎาคมเป็นจำนวนเท่ากับช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 411,000 บาร์เรลต่อวัน การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นการบรรเทาความกังวลของบรรดาผู้ค้าที่เกรงว่าปริมาณการผลิตจะเพิ่มขึ้นอีก

    การตัดสินใจดังกล่าวซึ่งประกาศเมื่อวันเสาร์ สะท้อนถึงความพยายามของกลุ่มโอเปกใน การยึดส่วนแบ่งตลาดคืน และ ลงโทษประเทศที่ใช้น้ำมันเกินโควตา ผู้เข้าร่วมตลาดคาดว่าการผลิตจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวร้าวมากขึ้น

    ในขณะเดียวกัน ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงในสหรัฐฯ ที่ลดลง ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยเฉพาะเมื่อมีการคาดการณ์ว่า ฤดูพายุเฮอริเคนที่รุนแรงกว่าปกติ

    2. ความตึงเครียดระหว่างทองคำและสงครามการค้า:

    ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันจันทร์ ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึง สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงดำเนินอยู่ และกระแสการกีดกันการค้าครั้งใหม่ของสหรัฐฯ

    อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่จะ ขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม จาก 25% เป็น 50% ส่งผลให้คณะกรรมาธิการยุโรปเตือนว่าจะมี มาตรการตอบโต้ ส่ง ผลให้นักลงทุนหันไปหา สินทรัพย์ที่ปลอดภัย ส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น

    3. สกุลเงินโลกและธนาคารกลาง:

    • ยูโร แข็งค่าขึ้นในวันจันทร์ในการซื้อขายช่วงเช้าของยุโรป เนื่องจาก ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง โดยได้รับแรงกดดันจาก ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่กลับมาปะทุอีกครั้ง ข้อมูลเศรษฐกิจที่มองในแง่ดีและ คำวิจารณ์ของ ECB ในเชิงรุก กระตุ้นให้เกิดการคาดเดาว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน อาจไม่แน่นอน ขณะนี้ ข้อมูลเงินเฟ้อที่จะประกาศในวันอังคารเป็นที่จับตามอง
    • เงินเยนของญี่ปุ่น แข็งค่าขึ้นเป็นครั้งที่สามติดต่อกันในเอเชีย โดยได้รับประโยชน์จาก สถานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความตึงเครียดทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น การเจรจาการค้ากับจีนดูเหมือนจะตึงเครียด และการโจมตีฐานทัพอากาศของรัสเซียที่ซับซ้อนของยูเครนทำให้ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ทวีความรุนแรงมากขึ้น

    ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของโตเกียวแสดงให้เห็นถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (CPI) ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบปีนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2023 ทำให้โอกาสที่ BOJ จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้นจาก 35% เป็น 45%

    บทสรุป:

    ปัจจุบัน ตลาดโลกกำลังเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่มีความผันผวนสูง โดยราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ความกลัวสงครามการค้าที่กลับมาอีกครั้ง การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน และความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น นักลงทุนควรติดตามข้อมูลและเฝ้าระวัง การเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของธนาคารกลาง โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกา ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางญี่ปุ่น น่าจะกำหนดทิศทางระยะสั้นของสินทรัพย์หลายประเภท

  • ทองคำ ดอลลาร์ และน้ำมัน: ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภาษีการค้า

    ทองคำ ดอลลาร์ และน้ำมัน: ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภาษีการค้า

    อัพเดตตลาดเอเชียท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการค้า

    1. การเคลื่อนไหวของทองคำและดอลลาร์
    ราคาทองคำในตลาดเอเชียร่วงลงในวันศุกร์ โดยได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น แม้จะมีความไม่แน่นอนทางกฎหมายเกี่ยวกับภาษีการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ โลหะสีเหลืองนี้มีแนวโน้มลดลงทุกสัปดาห์ โดยมีการสนับสนุนเพียงเล็กน้อยจากความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาษีการค้า หลังจากศาลสหรัฐฯ ได้กำหนดตารางภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ชั่วคราว ราคาทองคำจึงเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี แต่ไม่สามารถฟื้นตัวจากการขาดทุนก่อนหน้านี้ได้
    ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งได้รับการหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เป็นไปในเชิงบวก ส่งผลให้ทองคำและโลหะอื่นๆ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากตลาดเตรียมรายงานอัตราเงินเฟ้อที่สำคัญ ซึ่งก็คือดัชนีราคารายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) คาดว่ามาตรการนี้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกลางสหรัฐ จะทำให้เงินเฟ้อคงที่ในเดือนเมษายน ซึ่งจะลดโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยจะปรับลด

    2. ตลาดสกุลเงินและการเจรจาการค้า
    สกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่ซื้อขายในกรอบแคบๆ เมื่อวันศุกร์ ขณะที่ดอลลาร์ฟื้นตัวเล็กน้อยหลังจากศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางได้กลับมาใช้มาตรการภาษีของทรัมป์อีกครั้ง ซึ่งถูกศาลการค้าระงับไว้ชั่วครู่ ความรู้สึกของตลาดต่อตลาดในภูมิภาคลดลงเนื่องจากเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่าการเจรจาการค้ากับจีนหยุดชะงักลงเมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้ความหวังต่อการลดหย่อนภาษีลดน้อยลง
    เงินเยนของญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยและข้อมูลที่แสดงให้เห็นอัตราเงินเฟ้อที่สูงอย่างต่อเนื่องในญี่ปุ่น

    3. แนวโน้มตลาดน้ำมัน
    ราคาน้ำมันดิบลดลงในการซื้อขายในเอเชีย โดยมีแนวโน้มลดลงทุกสัปดาห์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาษีของทรัมป์และผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคาดการณ์อุปสงค์ในระยะกลางถึงระยะยาว ผู้ค้าหวั่นเกรงว่าการบังคับใช้ภาษีเต็มรูปแบบอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและลดความต้องการน้ำมัน
    สมาชิกโอเปก+ มีกำหนดประชุมกันในวันเสาร์นี้ เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับการเพิ่มปริมาณการผลิตที่อาจเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม ความคาดหวังต่อการเพิ่มปริมาณการผลิตได้ลดลงเล็กน้อย หลังจากที่กลุ่มโอเปกได้รักษาโควตาการผลิตอย่างเป็นทางการไว้เมื่อต้นสัปดาห์นี้
    นอกจากนี้ ความสนใจยังอยู่ที่ข้อพิพาทระหว่างคาซัคสถานและโอเปก+ เนื่องจากคาซัคสถานปฏิเสธข้อเรียกร้องให้ลดการผลิต

    บทสรุป:

    ความไม่แน่นอนของอัตราภาษีการค้าที่เกิดขึ้นยังคงส่งผลกระทบต่อตลาดสำคัญ ได้แก่ ทองคำ สกุลเงิน และน้ำมัน ขณะที่ข้อมูลเงินเฟ้อที่จะเกิดขึ้นและการตัดสินใจของกลุ่ม OPEC+ น่าจะกำหนดทิศทางของตลาดในระยะสั้นถึงระยะกลาง

  • ทองคำร่วงหลังทรัมป์ตัดสินเก็บภาษีเพิ่มความเสี่ยง และทำให้สินทรัพย์ปลอดภัยอ่อนแอลง

    ทองคำร่วงหลังทรัมป์ตัดสินเก็บภาษีเพิ่มความเสี่ยง และทำให้สินทรัพย์ปลอดภัยอ่อนแอลง

    ราคาทองคำอ่อนตัวลง พร้อมๆ กับสินทรัพย์ปลอดภัยอื่นๆ โดยเฉพาะเงินเยนของญี่ปุ่น หลังจากคำตัดสินของศาลสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นต่อความเสี่ยงของตลาดปรับตัวสูงขึ้น

    ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ตัดสินว่าอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขตในการเสนอมาตรการภาษีศุลกากรต่อเศรษฐกิจหลักของโลก ศาลยังยืนยันอีกว่ามีเพียงรัฐสภาเท่านั้นที่มีอำนาจตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรการค้าทั่วไป

    รัฐบาลทรัมป์ได้รับกำหนดเวลา 10 วันในการปฏิบัติตามคำตัดสิน อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวได้ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าวทันที

    ความเสี่ยงของตลาดเพิ่มขึ้นจากการเดิมพันว่าทรัมป์อาจไม่สามารถผลักดันวาระภาษีของเขาได้ ซึ่งเคยเป็นแหล่งสำคัญของความไม่แน่นอนในปี 2568 อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่าภาษีศุลกากรน่าจะยังคงมีผลบังคับใช้ในระหว่างกระบวนการอุทธรณ์ ซึ่งอาจเพิ่มความไม่แน่นอนทางกฎหมายมากขึ้น

    ตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดในวันพุธลดลง เนื่องจากหุ้นกลุ่มวัสดุจำเป็น สถาบันของรัฐ และพลังงานร่วงลง ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.58% ดัชนีแนสแด็กลดลง 0.51% และดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 0.56%

    ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจากคำตัดสินของศาลและข้อมูลอุปทาน

    ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นในการซื้อขายฝั่งเอเชียในวันพฤหัสบดี เนื่องด้วยความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นหลังจากศาลตัดสินเรื่องการขยายอัตราภาษีของทรัมป์

    การสนับสนุนเพิ่มเติมมาจากการเคลื่อนไหวที่ไม่คาดคิดของกลุ่ม OPEC+ ซึ่งเลือกที่จะไม่เพิ่มส่วนแบ่งการผลิตตามความคาดหวังของตลาด นอกจากนี้ สัญญาณของการลดลงอย่างรวดเร็วของปริมาณน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ยังกระตุ้นให้เกิดความหวังที่ว่าอุปทานจะตึงตัวมากขึ้น

    ขณะนี้ความสนใจจะเปลี่ยนไปที่การตัดสินใจของกลุ่ม OPEC+ ที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้เกี่ยวกับปริมาณการผลิตในเดือนกรกฎาคม โดยตลาดคาดการณ์ว่ากลุ่มดังกล่าวจะรักษาระดับการผลิตในปัจจุบัน

    แม้ว่าราคาน้ำมันจะเพิ่มขึ้นในวันพฤหัสบดี แต่ราคาน้ำมันยังคงลดลงอย่างรวดเร็วในปี 2568 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความต้องการที่ยังคงดำเนินต่อไปและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ช้าลง

    ข้อมูลจากสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกาแสดงให้เห็นว่าปริมาณน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลง 4.24 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขัดแย้งกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล

    ข้อมูล API ดังกล่าวมักจะนำหน้าแนวโน้มที่คล้ายกันในข้อมูลคลังสำรองอย่างเป็นทางการของรัฐบาล ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงบ่ายของวันพฤหัสบดี

    การลดลงอย่างมากของสินค้าคงคลังได้จุดประกายความหวังอีกครั้งว่าความต้องการเชื้อเพลิงของสหรัฐฯ จะยังคงแข็งแกร่งแม้จะมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมหภาค

    แนวโน้มและข้อมูลที่จะเกิดขึ้น

    ตลาดยังรอข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพิ่มเติมในวันพฤหัสบดี โดยเฉพาะตัวเลข GDP ไตรมาส 1 ที่มีการปรับปรุงใหม่ ข้อมูลเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าหดตัว 0.3% ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ทั่วโลกที่อ่อนแอลง

    บทสรุป:

    ในขณะที่ทองคำและสินทรัพย์ปลอดภัยกำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน น้ำมันกำลังฟื้นตัวจากสัญญาณอุปทานขาขึ้นและความรู้สึกเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การโต้แย้งทางกฎหมายเกี่ยวกับภาษีของทรัมป์และเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เปราะบางทำให้ตลาดยังคงกังวล นักลงทุนควรเฝ้าระวังเมื่อมีข้อมูลใหม่ๆ ออกมา

  • ข่าวล่าสุด: ราคาทองคำแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 2,993.87 ดอลลาร์ต่อออนซ์

    ข่าวล่าสุด: ราคาทองคำแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 2,993.87 ดอลลาร์ต่อออนซ์

    ราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,993.87 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งถือเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ ที่ดึงดูดความสนใจของนักลงทุนและผู้ค้าทั่วโลก เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการสินทรัพย์ที่ปลอดภัยของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นท่ามกลางความผันผวนของตลาดและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

    อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น?

    มีหลายปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นอย่างมากนี้:

    1. ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก

    ความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ต่อเนื่อง และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้ผู้ลงทุนแห่ซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า เช่น ทองคำ ในอดีต ทองคำถือเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและการลดค่าเงินที่เชื่อถือได้

    2. นโยบายของธนาคารกลาง

    ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงปรับนโยบายการเงินเพื่อตอบสนองต่อข้อมูลเศรษฐกิจ ในขณะที่ธนาคารกลางบางแห่งยังคงอัตราดอกเบี้ยสูงเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ธนาคารกลางอื่นๆ กำลังเตรียมผ่อนปรนนโยบายเพื่อกระตุ้นการเติบโต ความแตกต่างนี้สร้างความไม่แน่นอนในตลาดสกุลเงิน ส่งผลให้ทองคำมีความน่าดึงดูดใจมากขึ้นในฐานะแหล่งเก็บมูลค่าที่มั่นคง

    3. ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง

    ดัชนีดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเร็วๆ นี้ทำให้ราคาทองคำถูกลงสำหรับผู้ซื้อจากต่างประเทศ ส่งผลให้ความต้องการเพิ่มขึ้นอีก ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงมักส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะโลหะมีค่า สูงขึ้น

    4. ความต้องการที่ปลอดภัย

    เนื่องจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทวีความรุนแรงขึ้นในหลายภูมิภาค ทัศนคติต่อความเสี่ยงในตลาดโลกจึงเปลี่ยนไป นักลงทุนจึงแสวงหาความปลอดภัยของทองคำมากขึ้นเพื่อรักษาเงินทุนในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอน


    สิ่งนี้หมายถึงอะไรสำหรับผู้ซื้อขายและนักลงทุน?

    ราคาทองคำที่ทำลายสถิตินำมาซึ่งทั้งโอกาสและความท้าทายสำหรับผู้ค้าและนักลงทุน:

    • สำหรับนักลงทุนระยะยาว ทองคำที่พุ่งแตะจุดสูงสุดใหม่ช่วยตอกย้ำสถานะของตนในฐานะองค์ประกอบสำคัญของพอร์ตโฟลิโอที่กระจายความเสี่ยง โดยให้ความคุ้มครองต่อภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและภาวะเงินเฟ้อ
    • สำหรับผู้ซื้อขายระยะสั้น ความผันผวนที่เพิ่มขึ้นในตลาดทองคำอาจเป็นโอกาสการซื้อขายที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการบริหารความเสี่ยงและปรับกลยุทธ์อย่างรอบคอบอีกด้วย

    บทสรุป: การพุ่งขึ้นของราคาทองคำส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงในความรู้สึกของตลาด

    ราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้นเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในตลาดโลก ในขณะที่ความไม่แน่นอนยังคงเกิดขึ้น บทบาทของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยยังคงแข็งแกร่งเช่นเคย ผู้ซื้อขายและนักลงทุนควรติดตามข้อมูลข่าวสารและเตรียมพร้อมที่จะใช้ประโยชน์จากโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น

    ติดตาม DB Investing เพื่อรับข่าวสารตลาดล่าสุด ข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญ และกลยุทธ์การซื้อขายที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในตลาดที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วในปัจจุบัน